บทความ : กฎกระทรวงใหม่มาแล้ว! ลูกจ้าง–นายจ้างต้องร่วมจ่ายเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เริ่มบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2568
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ลูกจ้างและนายจ้างทั่วประเทศจะต้องเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบสวัสดิการแรงงานของไทย ตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. 2567 ที่เพิ่งประกาศใช้
กฎหมายฉบับนี้ออกตามมาตรา 131 วรรคหนึ่ง ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อส่งเสริมให้ลูกจ้างมี “หลักประกันทางรายได้” หากวันหนึ่งต้องออกจากงาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการลาออก เลิกจ้าง หรือเสียชีวิต
โดยหลักการคือให้ ลูกจ้างจ่ายเงินสะสม (หักจากค่าจ้าง) และ นายจ้างจ่ายเงินสมทบ เข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ในอัตราที่กฎหมายกำหนด
หมายเหตุ: อัตราดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ในอนาคตตามภาวะเศรษฐกิจ และต้องไม่เกิน 5% ของค่าจ้าง
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใหม่นี้ นายจ้างจำเป็นต้องจัดให้มีระบบการหักเงินสะสมของลูกจ้าง และนำส่งเงินสมทบให้ถูกต้องตามกำหนดเวลา อีกทั้งยังต้องจัดทำเอกสารและระบบจัดการเงินให้โปร่งใส ตรวจสอบได้
การจัดการเงินเดือนและระบบสวัสดิการจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป หากองค์กรมีระบบที่สามารถติดตามเวลาทำงาน สรุปค่าจ้าง และประมวลผลเงินเดือนแบบอัตโนมัติ
TimeMint คือระบบจัดการเวลาทำงานและเงินเดือนที่ช่วยให้นายจ้าง:
หักเงินสะสมตามเปอร์เซ็นต์ค่าจ้างได้อย่างแม่นยำ
สรุปรายงานเงินเดือนและการส่งเงินสมทบแบบตรวจสอบได้
เชื่อมต่อกับระบบลงเวลา ทำให้ข้อมูล “ครบจบในที่เดียว”
เหมาะมากกับองค์กรที่ต้องการความพร้อมด้านกฎหมายแรงงาน และต้องการลดความผิดพลาดในการคำนวณสวัสดิการและค่าจ้าง
ทั้งลูกจ้างและนายจ้างควรเริ่มศึกษาและเตรียมตัวให้พร้อมกับกฎกระทรวงฉบับนี้ เพราะส่งผลโดยตรงต่อรายได้ รายจ่าย และระบบการบริหารบุคคลในองค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
องค์กรใดที่ยังไม่มีระบบบริหารจัดการเรื่องเวลาทำงานและเงินเดือนที่ชัดเจน ควรเริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพราะ 1 ตุลาคม 2568 อยู่ไม่ไกลแล้ว ข้อมูลจาก : https://www.gcc.go.th/2025/02/11/
05/05/2025
สอบถามรายละเอียดเพิ่มสามารถติดต่อได้ที่
เวลาทำการ จ-ส (เวลา 08:00-17:30) เบอร์โทรศัพท์ 02-463-6493 098-838-3909 098-016-1524 092-279-9484